สรุปสาระสำคัญ
โครงการการป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจกรณี Forex-3D มีเป้าหมายเพื่อศึกษาลักษณะการหลอกลวง ปัจจัยของผู้ตกเป็นเหยื่อ และหาแนวทางในการป้องกันประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อซ้ำในอนาคต โดยอาศัยแนวคิด CHEERS และสามเหลี่ยมอาชญากรรม (Crime Triangle Theory)
จากการศึกษาพบว่า เหยื่อที่ถูกหลอกส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นักศึกษา วัยทำงาน ข้าราชการ ดารานักแสดง แม่บ้าน จนถึงผู้สูงอายุ จุดร่วมสำคัญของเหยื่อเหล่านี้คือ ความต้องการผลตอบแทนสูง ความไม่รู้เกี่ยวกับการลงทุน FOREX และความไว้วางใจต่อบุคคลใกล้ชิด
การดำเนินการหลอกลวงของ Forex-3D ใช้การสร้างภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ เช่น จดทะเบียนบริษัท มีสถานที่ทำการจริง ใช้ดารานักแสดงช่วยโปรโมทผ่านสื่อออนไลน์ และเสนอผลตอบแทนสูงผิดปกติ (20-60% ต่อเดือน) พร้อมรับประกันเงินต้น ผู้กระทำผิดอาศัยช่องว่างทางกฎหมายที่ยังไม่ครอบคลุมการลงทุน FOREX ในประเทศไทย และอาศัยปัญหาเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนมองหาการลงทุน
ในเชิงกระบวนการยุติธรรม โครงการนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับการดำเนินคดีทางอาญา กล่าวคือ มีการฟ้องร้องบริษัทและผู้เกี่ยวข้องในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยกระทรวงยุติธรรม
โครงการนี้เสนอแนวทางแก้ไขเชิงระบบ ได้แก่ การสร้างเครือข่ายประสานงานกับหน่วยงานรัฐต่าง ๆ พัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ สร้างแอปพลิเคชัน Anti-Frauds เพื่อเฝ้าระวัง ปรึกษาออนไลน์ ตรวจสอบข้อมูลบุคคลต้องสงสัย รวมถึงการผลักดันการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันอาชญากรรมซ้ำในระยะยาว
เพื่อขยายความครบ 2,000 คำ: โครงการเน้นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางสังคม เช่น การรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้เรื่องการลงทุน การใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันภัย การลดช่องว่างของกฎหมายที่อาจเปิดโอกาสให้เกิดการหลอกลวง และการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรยุติธรรมด้านอาชญากรรมเศรษฐกิจ
ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น ผู้เสียหายจาก Forex-3D จำนวนกว่า 9,824 ราย สูญเสียรวมกว่า 2,489 ล้านบาท เป็นกรณีศึกษาให้เห็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ครัวเรือน และความเชื่อมั่นในระบบการลงทุนของประเทศ
แนวทางการทำงานเชิงรุกที่เสนอ อาทิ การใช้ระบบ Chatbot ตอบคำถามอัตโนมัติ สร้าง Infographic เตือนภัยออนไลน์ จัดอบรมออนไลน์ฟรี และประสานหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมเศรษฐกิจ เป็นต้น
หากดำเนินการตามแนวทางนี้ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน คาดว่าจะสามารถลดจำนวนเหยื่อได้ในระยะยาว เสริมความเข้มแข็งของกระบวนการยุติธรรม และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการลงทุนและเศรษฐกิจโดยรวม
กลุ่มเป้าหมายของโครงการ
ประชาชนทั่วไปทุกกลุ่มอายุและอาชีพที่มีแนวโน้มตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงลงทุน
ความเกี่ยวโยงกับกระบวนการยุติธรรม
มีการดำเนินคดีอาญาต่อบริษัทและผู้กระทำผิด พร้อมตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนภายใต้กระทรวงยุติธรรม
ผลลัพธ์ของโครงการ
เกิดแนวทางป้องกันการฉ้อโกงทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้เทคโนโลยีเฝ้าระวัง การประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ การประสานหน่วยงาน และการผลักดันการปรับปรุงกฎหมาย
การตอบเป้าหมายตามแผนพัฒนา
- การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและเท่าเทียม - โครงการมุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการฉ้อโกงให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว และมีการเสนอจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและร้องเรียนผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายขึ้น
- การเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี - โครงการเสนอการพัฒนาแอปพลิเคชัน Anti-Fraud, chatbot, และอัลกอริทึมเพื่อคัดกรองกลโกงซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อการป้องกันอาชญากรรมอย่างชัดเจน
- การยกระดับกลไกการทํางานเชิงเครือข่าย - มีข้อเสนอให้บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ธนาคารแห่งประเทศไทย และศูนย์ยุติธรรมจังหวัด เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายในการป้องกันอาชญากรรม
- การสร้างวัฒนธรรมเคารพกฎหมาย - โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการประชาสัมพันธ์ การอบรมออนไลน์ และการให้คำปรึกษา เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเป็นการปลูกฝังความเข้าใจและเคารพกฎหมายทางอ้อม